กสม. ตรวจสอบกรณีครูทำโทษเด็กนักเรียนชั้นประถมฯ เกินสมควรแก่เหตุ กระทบพัฒนาการระยะยาว แนะ สพป.ชัยภูมิ เร่งดำเนินการสอบสวนทางวินัย

 กสม. ตรวจสอบกรณีครูทำโทษเด็กนักเรียนชั้นประถมฯ เกินสมควรแก่เหตุ กระทบพัฒนาการระยะยาว แนะ สพป.ชัยภูมิ เร่งดำเนินการสอบสวนทางวินัย

นางสาวหรรษา  หอมหวล เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ร้องรายหนึ่งว่า บุตรของผู้ร้องซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ถูกครูประจำชั้นทำโทษด้วยการตีท้ายทอย ตบหลัง และใช้ไม้เรียวตีหลายครั้ง อีกทั้งยังห้ามไม่ให้เข้าห้องน้ำนอกเวลาที่กำหนด ส่งผลให้บุตรของผู้ร้องต้องอั้นปัสสาวะอยู่บ่อยครั้งจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ครูประจำชั้นที่เป็นผู้ถูกร้องยังมักใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง และสายตาที่ไม่เป็นมิตรกับนักเรียน และยังเคยส่งรูปภาพนักเรียน 15 ราย มาในกลุ่มไลน์ผู้ปกครองพร้อมระบุข้อความให้ผู้ปกครองมารับนักเรียนกลุ่มนี้กลับบ้านเนื่องจากนักเรียนไม่อยากเรียนและไม่ส่งงาน เป็นเหตุให้บุตรของผู้ร้องรู้สึกกดดัน ไม่อยากไปโรงเรียน และต้องไปพบจิตแพทย์ ทั้งนี้ ผู้ร้องได้ร้องเรียนพฤติกรรมดังกล่าวของครูประจำชั้นรายนี้ไปยังโรงเรียนที่บุตรผู้ร้องเรียนอยู่แล้วแต่กระบวนการตรวจสอบไม่มีความคืบหน้า จึงขอให้ตรวจสอบ

กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 22 บัญญัติว่า ในการปฏิบัติต่อเด็กไม่ว่ากรณีใด ให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญและไม่มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม กฎหมายดังกล่าวยังห้ามกระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก และบัญญัติว่าการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาให้กระทำเท่าที่สมควรเพื่อการอบรมสั่งสอนตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด นอกจากนี้ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดว่าการลงโทษสามารถกระทำได้ 4 สถาน ได้แก่ การว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ หรือทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และห้ามลงโทษนักเรียนด้วยวิธีรุนแรงหรือแบบกลั่นแกล้งหรือลงโทษด้วยความโกรธหรือความพยาบาท อีกทั้งจะต้องคุ้มครองดูแลนักเรียนให้ปราศจากความรุนแรงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยการลงโทษต้องคำนึงถึงอายุของเด็กนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษเป็นสำคัญ


จากการตรวจสอบกรณีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า ครูประจำชั้นใช้วิธีการลงโทษบุตรของผู้ร้องและนักเรียนคนอื่น ๆ โดยใช้ไม้เรียวตีหรือตีด้วยมือ ดุด่าว่ากล่าว รวมทั้งมีการตั้งกฎกติกาในชั้นเรียนเพื่อให้นักเรียนทำงานให้เสร็จก่อนจึงจะสามารถเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจธุระส่วนตัวได้ อีกทั้งครูประจำชั้นยังมีนิสัยพูดจาเสียงดัง มักดุด่าว่ากล่าวหรือข่มขู่ ทำให้บุตรของผู้ร้องซึ่งเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเกิดความกดดันและความเครียดสะสมจนไม่อยากไปโรงเรียน จนผู้ร้องต้องนำบุตรเข้าพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการทางจิต ต่อมาครูประจำชั้นที่เป็นผู้ถูกร้องได้ขอเจรจากับผู้ร้อง โดยจ่ายค่าเยียวยาและค่ารักษาบุตรของผู้ร้อง 2 ครั้ง และมีหนังสือขอโทษผู้ร้องอย่างเป็นทางการแล้ว


ในส่วนของโรงเรียนที่บุตรผู้ร้องเรียนอยู่ เมื่อผู้ร้องได้ร้องเรียนพฤติกรรมของครูประจำชั้นไปยังโรงเรียน ทางโรงเรียนได้สอบสวนข้อเท็จจริงโดยมีผลการสอบสวนสรุปว่าการกระทำของครูรายนี้ไม่มีมูลเหตุความผิด จึงยุติเรื่อง ผู้ร้องเห็นว่ารายงานผลการสอบสวนไม่ถูกต้อง บิดเบือนความจริงและไม่เป็นธรรม จึงขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 (สพป.ชัยภูมิ เขต 2) สอบสวนข้อเท็จจริงใหม่ ซึ่ง สพป.ชัยภูมิ เขต 2 ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินการสอบสวนเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่ามีมูลความผิด โดยครูประจำชั้นได้ลงโทษบุตรของผู้ร้องด้วยการใช้ไม้เรียวตีหรือตีด้วยมือจริง จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนทางวินัย 


กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า ครูประจำชั้นตามเรื่องร้องเรียนใช้วิธีการลงโทษบุตรของผู้ร้องและนักเรียนคนอื่น ๆ ที่ขัดต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาฯ อันส่งผลให้บุตรของผู้ร้องได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ถึงแม้ว่าครูรายนี้ได้จ่ายค่าเยียวยาบุตรของผู้ร้องแล้วก็ตาม แต่ผลกระทบดังกล่าวอาจส่งผลในระยะยาวต่อบุตรของผู้ร้อง ได้แก่ สุขภาพกาย สุขภาพจิต และพัฒนาการเรียนรู้ที่บกพร่อง รวมถึงปัญหาความสัมพันธ์ทางสังคม เป็นต้น ในชั้นนี้จึงรับฟังได้ว่า การกระทำของครูประจำชั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน 


สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงเรียนในฐานะผู้บังคับบัญชาของครูประจำชั้นรายนี้ที่มีผลการสอบสวนว่าพฤติกรรมของครูไม่มีมูลความผิดและสั่งยุติเรื่องนั้น เห็นว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือให้ครูไม่ต้องถูกดำเนินการทางวินัย ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริงของ สพป.ชัยภูมิ เขต 2 ที่พบว่าการกระทำของครูประจำชั้นมีมูลความผิดจริง ดังนั้น การดำเนินการดังกล่าวของโรงเรียน จึงขัดต่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 95 ที่ระบุว่า เมื่อปรากฏกรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดกระทำผิดวินัย โดยมีพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยทันที หากผู้บังคับบัญชาผู้ใดละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือมีพฤติกรรมปกป้อง ช่วยเหลือเพื่อมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาถูกลงโทษทางวินัย หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวโดยไม่สุจริต ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย ในชั้นนี้จึงรับฟังได้ว่า โรงเรียนของครูประจำชั้นรายนี้มีการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน


ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้ 


(1) ให้ สพป.ชัยภูมิ เขต 2 เร่งดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อครูประจำชั้นและรายงานผลให้ผู้ร้องทราบโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และปราศจากผู้มีส่วนได้เสียเข้าแทรกแซงในกระบวนการดังกล่าว นอกจากนี้ ให้กำชับสถานศึกษาในสังกัดให้ใช้กลไกของคณะกรรมการสถานศึกษามีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อร้องเรียน และเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสื่อสารทำความเข้าใจในการรายงานปัญหาหรือข้อร้องเรียนเพื่อให้เกิดการแก้ไขเยียวยาได้ทันต่อสถานการณ์


(2) ให้โรงเรียนที่เป็นผู้บังคับบัญชาของครูประจำชั้น พิจารณาการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีเกิดเหตุร้องเรียนต่อข้าราชการครูหรือบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียน โดยต้องดำเนินการด้วยความสุจริต และโปร่งใส รวมทั้งให้ผู้นำชุมชนและตัวแทนผู้ปกครอง หรือตัวแทนจากหน่วยงานอื่น มีส่วนร่วมในการพิจารณาดำเนินการด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นกลางและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งเน้นย้ำบุคลากรทางการศึกษาให้จัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการที่เหมาะสม ไม่ใช้วิธีการลงโทษที่รุนแรง หรือสร้างกฎข้อบังคับในชั้นเรียนอันเป็นเหตุให้นักเรียนเกิดความกดดัน 


และ (3) ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาให้มีการจัดอบรมข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยเน้นการเสริมสร้างทักษะการจัดการปัญหาทางด้านอารมณ์ และจิตใจ และวิธีรับมือในสภาวะที่เด็กนักเรียนมีปัญหาความขัดแย้ง หรือการใช้ความรุนแรงด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Sweeney Todd ละครเวทีมิวสิคัลในตำนาน และนี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทยใน School Edition ที่ทางโรงเรียนได้ซื้อลิขสิทธิ์แท้ถูกต้อง จาก Musical Theatre International (MTI) ละครเขย่าขวัญ ฆาตกรรม ทำให้เหมาะกับผู้แสดง โดย นักเรียน Pre - College YAMP โรงเรียนเตรียมอุดมดนตรี

อธิบดีกรมวิทย์ฯ บริการ กระทรวง อว. “หมอรุ่งเรือง” ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่ง “ประธานมูลนิธิสุชาติ เจตนเสน“ มุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาระบบสาธารณสุขและงานระบาดวิทยาภาคสนามเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาสาธารณสุขไทย

รัฐมนตรี “ศุภมาส” นำวิทยาศาสตร์ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ให้กรมวิทย์ฯ บริการร่วมมือทุกภาคส่วนทำให้ทุกพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารทั่วประเทศ “มีน้ำดื่มสะอาดปลอดภัย”